คาลิก้า เนฮิว
"ถอดผ้าคลุมหน้าออกซะ!"
คนที่สั่งเป็นสาวใช้ที่เดินลงมาจากลงม้า
ฉันวางสัมภาระทุกอย่างลงแล้วเปิดผ้าคลุมออกอย่างว่าง่าย พร้อมกับยกมือขึ้นแสดงถึงการยอมจำนน
แค่สาวใช้คนนี้คนเดียวก็ฆ่าฉันด้วยการตบได้แล้ว ร่างกายฉันอ่อนแอระดับนั้นเลยล่ะ จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขัดขืน
เมื่อได้เห็นใบหน้าฉัน ทุกคนที่ล้อมตัวฉันต่างก็มองกันตาค้าง ก่อนจะกระซิบกระซาบกันไปมา ส่วนสาวใช้คนนั้นรีบกลับเข้าไปในรถทันที
จากนั้นก็มีสาวใช้สองคนรีบลงมายืนต้อนรับชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมลงจากรถ
ชายคนนั้นดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเป็นสุภาพบุรุษฐานะดี เครื่องประดับทั้งแหวนและสร้อยล้วนหรูหราและสวยงาม
เมื่อเขามองมาที่ฉัน ก็ถึงกับเบิกตาโพลงในทันที
"ลดอาวุธแล้วถอยออกไปซะ!"
ผู้คุ้มกันทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วหลังได้ยินชายคนนั้นพูด
จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉัน
"ไม่ทราบว่าสาวน้อยอย่างคุณมีนามว่าอะไรครับ"
"ดาเนียค่ะ ไม่มีตระกูล"
ฉันไม่มีเหตุผลให้เชื่อใจคนอื่นอีกแล้ว
"อย่าโกหกสิครับ ผมไม่อยากใช้สกิลจับโกหกนะครับ เพราะงั้นช่วยบอกชื่อกับตระกูลจริงของเธอทีสิครับ"
"..."
เคยได้ยินมาก่อนว่านักผจญภัยบางอาชีพมีสกิลในการจับโกหกอีกฝ่าย ฉันจึงยอมตอบตามจริงออกไป
"คาลิก้า... เนฮิวค่ะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคาลิก้า นามของเธอช่างไพเราะมาก ไม่ทราบว่าครอบครัวของเธอตอนนี้สบายดีไหม"
"ฉันอยู่ตัวคนเดียวค่ะ"
ไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร แต่ฉันไม่มีวันให้ไปยุ่งกับครอบครัวของฉันแน่
"ส่วนผม อิสทัฟ กราน๊อตนะครับ หัวหน้ากิลด์ [โซ่อัคคี] "
ฉันลอบกลืนน้ำลายและพยายามเกร็งไม่ให้ตัวสั่นจนเขาจับได้ว่าฉันหวาดกลัว
เพราะกิลด์นี้ มันเป็นกิลด์ค้าทาสรายใหญ่ของอาณาจักรแห่งนี้
หากไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงหรือขายตัวเองเป็นทาส ก็ไม่สามารถบังคับให้เป็นทาสได้ นั่นคือกฎหมายของอาณาจักรนี้
แต่คนในสลัมอย่างฉัน ที่เป็นแค่ [แรงค์ F] แถมยังมีความผิดติดตัวทั้งที่ไม่ได้ทำ ถูกจับไปเป็นทาสได้ง่ายๆ เพียงแค่โยนความผิดหนักๆ มาให้สักข้อก็พอ
และต่อให้ไปฟ้องร้อง พวกนั้นก็ไม่เอากฎหมายมาคุ้มครองฉันอยู่ดี
ระหว่างที่คิด ก็มีคนควบม้ามาหยุดห่างจากพวกเราไม่กี่เมตร ชายคนนั้นลงจากม้าแล้วยื่นเอกสารแผ่นนึงให้อิสทัฟ
อิสทัฟเปิดอ่าน ก่อนจะเงยหน้ามองฉันด้วยรอยยิ้ม
"ตระกูลเนฮิวตอนนี้เหลืออยู่แค่ 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด อาศัยในสลัม และมีความผิดติดตัวเหมือนกัน 1 ข้อ มีอะไรจะแย้งไหมครับ คาลิก้า"
นี่มันหมายความว่าทันทีที่ฉันบอกชื่อ ลูกน้องก็ไปสืบทันทีโดยไม่ต้องรอเขาสั่งเลยไม่ใช่เหรอ
"แต่ในเมื่อคนสวยอย่างคาลิก้าบอกว่าไม่มีครอบครัว งั้นผมก็จะเชื่อตามนั้นครับ ข้อมูลที่ได้มาอาจจะผิดก็ได้เนอะ"
อิสทัฟยื่นกระดาษให้สาวใช้เผาทิ้งด้วยคบเพลิง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างจริงใจและพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"เพราะงั้นเนฮิวอีกสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ผมคิดว่าจะไปจับมาเป็นทาสล่ะ"
กิลด์ [โซ่อัคคี] ขึ้นชื่อเรื่องทารุณทาสเป็นที่สุด ปลอกคอและโซ่ของพวกเขาทำจากชิ้นส่วนมอนสเตอร์ที่กักเก็บความร้อนได้ดี
และถ้าความร้อนมากพอมันก็จะติดไฟและดับไม่ได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช้เวทมนตร์จัดการ
แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่าสกิลของหัวหน้ากิลด์
เคยได้ยินคนในสลัมพูดว่ายอมจำนนดีกว่าโดนทารุณด้วยสกิลของหัวหน้ากิลด์ [โซ่อัคคี]
"ตะ ต้องการอะไรคะ"
"ผมชอบคนเข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้มากเลยครับ จะยอมทำตามคำขอร้องของผมจริงเหรอครับ"
แล้วฉันเลือกไม่ทำตามได้ไหมล่ะ
"ถ้าไม่แตะต้องครอบครัว... จะยอมค่ะ"
"อย่าพูดเรื่องน่ากลัวอย่างงั้นสิครับ คาลิก้า คุณเข้าใจผมผิดอยู่นะครับ ผมไม่ได้เอาครอบครัวเธอมาขู่ให้ทำตามเลยนะ จริงไหมครับ"
ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะฝืนตอบออกไปอย่างขมขื่น
"...จริงค่ะ"
"งั้นคาลิก้า ช่วยเปลี่ยนมาใช้นามสกุลกราน๊อตของผมทีสิ"
...ห๊ะ! อะไรของมันเนี่ย!?
*****
อิสทัฟ กราน๊อต หัวหน้ากิลด์ [โซ่อัคคี]
ผมเกิดมาในตระกูลค้าทาสเก่าแก่ของพ่อผม
ธุรกิจรายได้ดีที่เริ่มซบเซาลงหลังจบสงครามและมีการกฎการเป็นทาสออกมาใหม่
โตมาไม่ทันรู้ความก็ถูกบังคับให้เรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ดูสินค้า รับซื้อ ฝึกสอน ลงโทษ ขายไป
ความฝันของผมก็เหมือนเด็กทั่วไปที่อยากเป็นนักผจญภัย แต่มันก็ถูกดับฝันในทันที
พออายุ 15 พ่อก็ยกกิจการมาให้ผมจัดการดูแลทั้งหมด โดยพ่อจะคอยทำให้คำปรึกษาเท่านั้น
เจอปัญหาอะไรก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง โดนหลอกโดนโกงก็ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
ปัญหาตัวเองว่าหนักแล้ว ปัญหาเรื่องทาสไม่ยอมเชื่อฟังยิ่งหนักกว่า ไหนจะปัญหาของลูกน้องอีกสารพัด
การเฆี่ยนตีใช้กับพวกถึกทนไม่ได้ผล ทำรุนแรงไปสินค้าก็ราคาตกหรือขายไม่ได้
เครียดจนตัดสินใจทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปประเมินแรงค์ ขอแค่ไม่ใช่ [แรงค์ F] ก็จะหนีไปอาณาจักรอื่นแล้วเริ่มต้นชีวิตอิสระได้สักที
แต่เหมือนถูกลิขิตมาแล้ว ผลประเมินที่ได้คือ [แรงค์ A] พร้อมอาชีพนักกำราบ สกิลติดตัวเฉพาะก็ยังมี
พ่อกับแม่ตอนแรกก็โกรธจัด แต่พอรู้เรื่องอาชีพกับสกิล ก็จัดงานเลี้ยงฉลองเสียใหญ่โต แถมไปร้องไห้ดีใจหน้าหลุมศพบรรพบุรุษว่าตระกูลค้าทาสกราน๊อต จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
พอรู้แบบนั้นเข้าเลยหนีไม่ลง ได้แต่ตัดสินใจทำต่อ
เพราะไม่เข้าใจเรื่องสกิลเลยเอาทาสที่ขายไม่ออกกับใกล้ตายมาทดลอง ต่อหน้าทาสทุกตัว
ปรากฏว่าได้ผลดีเชียวล่ะ ทาสเก่ายอมเชื่อฟังดีกว่าถูกลงโทษด้วยสกิลของผม
ส่วนทาสใหม่ที่ไม่เชื่อฟังก็ใช้สกิลจัดการจนไม่กล้าขัดอีกเลย
ชื่อเสียงของผมดังขึ้นจนไปถึงหูของราชา
ราชาตัดสินใจทดสอบผมให้กำราบมอนสเตอร์ไปจนถึงหัวหน้าอัศวิน
และเมื่อผมกำราบได้หมด ราชาจึงทำข้อตกลงให้ผมเป็นเจ้าหน้าที่สอบปากคำส่วนตัวของพระองค์ พร้อมกับอำนวยความสะดวกในการค้าทาสให้อย่างเต็มที่
ขอแค่เป็นพวกในสลัมและไม่ใช่ประชาชนของอาณาจักร ราชาจะทำเป็นหลับตาข้างนึงให้เสมอ
กิจการค้าทาสตระกูลกราน๊อต จึงกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
โดยผมไปจดทะเบียนในรูปแบบของกิลด์ค้าทาส เพื่อสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ลดภาษีทาส เพิ่มพื้นที่ล่าสินค้า เป็นต้น
จนอายุครบ 18 ปี ปัญหาชวนปวดหัวที่แก้ไม่ตกก็เข้ามา
เรื่องทายาทสืบสกุล เพราะพ่อแม่ไม่อนุญาตให้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าแต่งกับผมเด็ดขาด
ส่วนครอบครัวที่ได้ยินชื่อเสียงความโหดร้ายทารุณของผมก็ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้ลูกสาวถูกพบเจอโดยเด็ดขาด
พ่อแม่ที่ได้ยินเรื่องนี้แทนที่จะลดความต้องการลง กลับยิ่งโมโหและกล่าวหาว่าพวกมันไม่คู่ควรกับผม
จากนั้นก็ตั้งกฎให้ผมแต่งกับขุนนางยศสูงศักดิ์หรือนักผจญภัย [แรงค์ S] เท่านั้น
จนถึงตอนนี้เลยรอพวกท่านหมดอายุขัย ค่อยหาทาสสาวสวยมาแต่งงานแล้วค่อยเอาไปเย้ยหน้าหลุมศพ
แต่ในวันที่กำลังเดินทางออกไปล่าสินค้ามาขาย ผู้คุ้มกันเข้ามารายงานว่าเจอคนในสลัมที่รูปร่างดีเดินสวนกับรถม้าเรา
ผมจึงสั่งให้หยุดรถม้าและคุมตัวไว้
ตอนแรกคิดจะปล่อยให้สาวใช้จัดการเหมือนอย่างทุกที
แต่ตอนที่สาวใช้รีบเข้ามาบอกเรื่องหน้าตาสะสวยของเธอคนนั้น ผมยังรู้สึกเฉยชา
คิดว่าผมล่าสินค้าสวยๆ มาขายเท่าไหร่แล้ว บอกตามตรงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสักคนที่เข้าตา
แต่พอผมเดินลงไปสบตากับเธอเข้า
ก็ได้พบกับสาวน้อยที่ไม่ควรอยู่บนพื้นโลกใบนี้
ถึงใบหน้าจะเลอะ ชุดจะสกปรกเหมือนพวกคนในสลัม ตามตัวก็มีแต่คราบเลือด แต่ความงามของเธอมันเปล่งประกายเจิดจรัสออกมา ราวกับสิ่งสกปรกพวกนั้นไม่อาจทำให้เธอด้วยค่าลงได้เลยแม้แต่น้อย
สาวงามในหมู่สาวงาม
ผมรีบออกคำสั่งให้ลดอาวุธและถอยออกไปห่างจากสาวน้อยผู้งดงามคนนี้ เพื่อไม่ให้เธอกลัว
ต้องตรวจสอบเสียก่อนจะได้จัดการได้ถูก หากเป็นเจ้าหญิงจากอาณาจักรไหนสักแห่งปลอมตัวมา ผมจะรีบก้มหัวขอโทษและประเคนทุกสิ่งอย่างเพื่อให้เธอยอมลดตัวมาแต่งงานกับผม
ซึ่งถ้าเป็นขุนนางเรื่องก็จะง่ายขึ้นเยอะ
ผมมีสกิลจับโกหกก็จริง แต่มันไม่ได้แม่นยำเท่าไหร่
ผมเลยลองใช้จิตวิทยาขู่ดู กลับได้ชื่อจริงมาอย่างง่ายๆ
งั้นเธอก็ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หรือขุนนาง เพราะไม่มีความเย่อหยิ่ง ทะนงตนและยอมคนง่ายๆ แต่ยังมีความจำเป็นต้องตรวจสอบเผื่อไว้ก่อน
คนคุ้มกันที่รู้งานรีบควบม้าไปตรวจสอบให้ รอไม่นานก็ได้ข้อมูลทั้งหมด
โชคดีที่สาวน้อยคนนี้เป็นแค่ [แรงค์ F] อาศัยในสลัม ไม่มีใครหนุนหลัง
งั้นเรื่องมันก็ง่าย
ผมแค่พาเธอไปชุบเลี้ยงซะใหม่ ฝึกฝนมารยาทเสียหน่อย
จากนั้นก็หาขุนนางระดับล่างที่ใช้งานง่ายมาเป็นพ่อแม่บุญธรรมให้เธอ แลกกับการฟื้นตระกูลพวกมันให้ยิ่งใหญ่
การดองตระกูลกับผมจะทำให้มันสบายไปตลอดชีวิต ยังไงพวกมันก็ยอม
พออายุเธอครบกำหนดก็ค่อยไปสู่ขอตามแผน
ส่วนพี่กับน้องของคาลิก้าถ้าหน้าตาดีเหมือนเธอ ก็ค่อยหาตระกูลมีอำนาจมารับไปเพื่อเกี่ยวดองกัน
ถ้ามีอำนาจหลายฝ่ายหนุนหลัง ต่อให้ราชาเปลี่ยนคน ตระกูลของผมก็จะไม่มีวันถูกโค่นล้ม
เรื่องพิการของพี่กับอาการป่วยของน้องเธอก็ไม่ใช่ปัญหา แค่ไปขอความช่วยเหลือจากราชาให้ติดต่อ [แรงค์ S] สายรักษาให้ก็จบ
จะเรียกราคาเท่าไหร่ก็ยอมจ่าย เพื่อซื้อใจคาลิก้า
เผลอๆ หลังรักษาเสร็จ ราชาอาจถูกใจจนให้เจ้าชายมาเป็นพี่เขยหรือน้องเขยเลยก็ได้
"งั้นคาลิก้า ช่วยเปลี่ยนมาใช้นามสกุลกราน๊อตของผมทีสิ"
หลังขอให้เธอมาเป็นภรรยา ทุกคนในที่นี้ก็จะรับรู้ทันทีว่า คาลิก้า จะได้เป็น นายหญิงของตระกูลกราน๊อตแล้ว
ไม่ต้องรอคำตอบ ยังไงคาลิก้าก็ต้องตกลง
"พาภรรยาในอนาคตของผมไปอาบน้ำแต่งตัว ทำให้แน่ใจว่าน้ำที่เธออาบเป็นกลิ่นที่เธอชอบและชุดที่เธอใส่เป็นชุดที่เธอหลงรัก"
"รับทราบค่ะนายท่าน"
เมดรับใช้สองคนที่ฝึกมาอย่างดีตอบรับเสียงหนักแน่นก่อนจะเข้าไปประกบคาลิก้าและคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
"เชิญขึ้นรถม้าเลยค่ะนายหญิงคาลิก้า"
"ไม่ต้องกลัวนะคาลิก้า จนกว่าเธอจะ 18 ผมจะไม่แตะต้องเธอแน่นอน"
การได้เปลี่ยนสถานะจากคนในสลัมมาเป็นนายหญิงที่มีคนรับใช้นับร้อยคอยปรนนิบัติ แถมคนในครอบครัวก็ยังพลอยสบายไปด้วย คงทำให้คาลิก้าตื่นเต้นจนตัวสั่น
"แล้วก็ไม่ต้องกังวลนะคาลิก้า ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว หลังจัดการเรื่องพ่อแม่บุญธรรมให้เธอเสร็จ ผมจะรีบหมั้นกับเธอทันที และขอให้สัญญาเลยว่า เธอจะเป็นภรรยาของผมคนเดียวตลอดชีวิต"
ผมหันไปสั่งยกเลิกการล่าสินค้าแล้วเดินทางกลับกิลด์แทน
ถือซะว่าเป็นการทำทานให้พวกมัน เนื่องในโอกาสที่ผมได้พบกับภรรยาแสนสวย
ไม่เคยนึกเลยว่าการเจอนางในฝันจะทำให้มีความสุขได้ถึงขนาดนี้
ตื่นเต้นจนอยากให้เธออายุ 18 มันซะเดี๋ยวนี้เลย จะได้ตีตราแสดงความเป็นเจ้าของเข้าไปในตัวเธอ
จากนั้นลูกในท้องจะผูกมัดเธอกับผมเอาไว้ตลอดไป